สุขภาพร่างกาย – คลังปัญญา.คอม แหล่งรวบรวมความรู้ต่างๆมากมายทั่วโลก Tue, 02 Apr 2019 12:50:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=4.9.5 5 วิธีรักษาอาการร้อนในแบบง่ายๆ โดยไม่พึ่งหมอ สาเหตุเกิดจากอะไร? /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%99/ Tue, 02 Apr 2019 12:50:09 +0000 /?p=4596 อาการร้อนในเป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดได้จากหลายสา […]

The post 5 วิธีรักษาอาการร้อนในแบบง่ายๆ โดยไม่พึ่งหมอ สาเหตุเกิดจากอะไร? appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
5 วิธีรักษาอาการร้อนในแบบง่ายๆ โดยไม่พึ่งหมอ และสาเหตุเกิดจากอะไร

อาการร้อนในเป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ และเป็นอาการที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบสาเหตุที่แท้จริง เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจหายได้เองหรือต้องใช้เวลารักษานานเป็นสัปดาห์ อาการร้อนในเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันหรือวิธีแก้หรือไม่เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

สาเหตุของอาการร้อนใน

สาเหตุของอาการร้อนใน ที่พบได้มากคือ การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การทานอาหารรสจัด ทานกลุ่มผลไม้ฤทธิ์ร้อน เช่น ลำไย ทุเรียน และน้อยหน่า เป็นต้น หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ การนอนดึกและการที่ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ขาดธาตุเหล็ก โฟเลต หรือขาดวิตามินบี 12 เป็นต้น

ลักษณะของอาการร้อนใน

  1. ตามบริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น ในลำคอ เพดานปาก หรือบริเวณเหงือก จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆ รอยแดงกลมหรือเป็นรูปวงรี เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 มม.ถึง 1 ซม.
  2. ระยะเวลาของอาการร้อนใน จะมีระยะ 1-2 สัปดาห์บางครั้งอาจหายได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษา โดยขึ้นอยู่กับลักษณะอาการว่าเป็นมากหรือเป็นน้อย
  3. ผลข้างเคียงของอาการร้อนใน หากรักษาแล้วอาการร้อนในยังไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษา

วิธีแก้อาการร้อนใน

  1. หมั่นแปรงฟันทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหาร และแปรงฟันก่อนเข้านอน เพื่อรักษาความสะอาดในช่องปาก
  2. ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือใช้วิธีจิบน้ำบ่อยๆ
  3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการระคายแผล เช่น อาหารแข็งๆ อาหารประเภททอด และอาหารรสจัดทุกชนิด ควรเลือกทานอาหารอ่อนๆ ที่มีรสจืด เช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก เพื่อลดอาการระคายเคืองในช่องปาก
  4. หากใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ ควรหยุดใช้น้ำยาบ้วนปากชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
  5. บ้วนปากด้วยน้ำเย็นผสมเกลือ เพราะน้ำเย็นและเกลือจะช่วยทำให้ช่องปากสะอาดช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียหากมีแผลร้อนในควรบ้วนน้ำเย็นผสมเกลือวันละ 2-3 ครั้ง

โดยทั่วไปอาการร้อนในหรือมีแผลในช่องปากที่เกิดจากอาการร้อนในไม่ส่งผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หากรู้จักวิธีป้องกันตนเองและรักษาสุขภาพ คุณควรหมั่นรักษาความสะอาดในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ดื่มน้ำสะอาดและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้คุณก็จะห่างไกลจากอาการร้อนในได้แล้วค่ะ

The post 5 วิธีรักษาอาการร้อนในแบบง่ายๆ โดยไม่พึ่งหมอ สาเหตุเกิดจากอะไร? appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีแก้เจ็บคอ บรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ด้วยวิธีแบบธรรมชาติและสมุนไพร /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%ad/ Mon, 01 Apr 2019 12:27:50 +0000 /?p=4593 ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยๆ ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ได้แก่ […]

The post วิธีแก้เจ็บคอ บรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ด้วยวิธีแบบธรรมชาติและสมุนไพร appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีแก้เจ็บคอ บรรเทาอาการไอ ด้วยวิธีแบบธรรมชาติและสมุนไพร

ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยๆ ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ไข้หวัด ไอ จาม และอาการเจ็บคอ ถึงแม้หลายคนจะดูแลตนเองเป็นอย่างดีก็ยังหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะอาการเจ็บคอที่เป็นแล้วหายยาก และยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้คุณทานข้าวไม่ได้หรือมีไข้หวัดร่วมด้วย ดังนั้นเมื่อเริ่มมีอาการควรหาวิธีดูแลตนเองเป็นอย่างดี

สาเหตุของอาการเจ็บคอ

  1. อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

ลักษณะอาการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน เช่น อาการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไข้หวัด คออักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ และไซนัสอักเสบ

  1. การอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

ส่วนใหญ่ลักษณะอาการเจ็บคอจะเป็นแบบเรื้อรัง ได้แก่ อาการที่เกิดจากโรคจมูกอักเสบ โรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง โรคเนื้องอกของคอและกล่องเสียง สารเคมี เครื่องดื่มแอลกฮอล์ การคาท่อเครื่องช่วยหายใจ การฉายแสง หรือจากยาเคมีบำบัด

วิธีแก้เจ็บคอและการดูแลตนเอง

  1. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นๆ ควรเลือกดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำสมุนไพรแทน เช่น น้ำอุ่นผสมขิงผง น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง น้ำชาเขียวอุ่นๆ หรือชาสมุนไพร ควรหลีกเลี่ยงการทานขนมหวานหรือเครื่องดื่มหวานๆ
  2. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน
  3. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ประเภทของทอด ของมัน บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายคอได้
  4. ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือบ้วนปาก เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและช่วยลดอาการเจ็บคอ
  5. สูตรกลั้วคอด้วยสมุนไพรกานพลูกับน้ำร้อน โดยนำกานพลูมาบดละเอียดละลายกับน้ำร้อนทิ้งไว้ให้อุ่น จากนั้นนำมากลั้วคอบ่อยๆ คุณสมบัติของกานพลูมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียช่วยป้องกันอาการอักเสบและลดอาการเจ็บคอลงได้
  6. งดใช้เสียง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด มีฝุ่นละออง และทานอาหารอ่อนๆ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายคอ
  7. ทานยาแก้อักเสบ การทานยาแก้เจ็บคอหรือยาแก้อักเสบเป็นวิธีสุดท้ายสำหรับการดูแลตนเอง ที่อาจทำมาเกือบทุกวิธีแล้วยังไม่หายจากอาการเจ็บคอ
  8. พบแพทย์ หากอาการยังไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและทำการรักษา

อาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันส่วนใหญ่สามารถดูแลรักษาให้หายเป็นปกติได้ด้วยตนเอง จากวิธีที่กล่าวมาแล้ว หากดูแลตนเองอย่างดีแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการเจ็บคอที่รุนแรงมากกว่าเดิม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

The post วิธีแก้เจ็บคอ บรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ด้วยวิธีแบบธรรมชาติและสมุนไพร appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการปวดท้องประจำเดือน สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีแก้ปวดท้องเมนส์อย่างได้ผล /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%88%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99/ Thu, 28 Mar 2019 11:09:39 +0000 /?p=4634 ความผิดปกติทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจของผู้หญิง ที่มักจ […]

The post อาการปวดท้องประจำเดือน สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีแก้ปวดท้องเมนส์อย่างได้ผล appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการปวดท้องประจำเดือน สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีแก้ปวดท้องเมนส์อย่างได้ผล

ความผิดปกติทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจของผู้หญิง ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ และเป็นประจำทุกเดือน ก็คือ อาการปวดท้องเมนส์หรือปวดท้องประจำเดือน ผู้หญิงแต่ละคนจะมีอาการปวดท้องมากน้อยแตกต่างกันหรือบางคนอาจมีอาการหงุดหงิดร่วมด้วย หากบุคคลอื่นไม่เข้าใจก็อาจมีผลกระทบต่อจิตใจหรือมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ต่อคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างได้

สาเหตุของการปวดท้องเมนส์

มีหลายสาเหตุทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย สำหรับอาการปวดโดยทั่วไปจะเกิดจากการหดตัวของมดลูกที่หดตัวแรงมากกว่าปกติ ส่วนอาการปวดที่เกิดจากโรคร้าย จะมีลักษณะอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีอาการคันที่อวัยวะเพศ หรือสีประจำเดือนดำคล้ำกว่าปกติ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ปวดประจำเดือน

  1. การมีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย มีประจำเดือนเร็วตั้งแต่อายุน้อยกว่า 12 ปี
  2. เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
  3. การปวดประจำเดือนของคนที่ไม่มีบุตร เพราะรังไข่ต้องทำงานหนักและทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุดพักในช่วงตั้งครรภ์และระยะหลังคลอด
  4. อาการปวดประจำเดือนของคนที่ประจำเดือนมามากหรือมาน้อยผิดปกติ
  5. การใส่ห่วงอนามัย
  6. ผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วนหรือมีน้ำหนักส่วนเกินมากกว่าปกติ
  7. เกิดโรคหรือเป็นเนื้องอกในมดลูก

วิธีแก้ปวดท้องประจำเดือน

  1. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ อย่างน้ำเต้าหู้ นมร้อนแทน เลือกรับประทานอาหารร้อนๆ จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องเมนได้ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือก๋วยเตี๋ยว หากคุณดื่มน้ำเย็นอาจส่งผลให้เลือดจับตัวกันเป็นลิ่มเลือดทำให้เกิดอาการปวดท้องที่รุนแรงมากขึ้น
  2. ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน การแกว่งแขน หรือออกกำลังกายด้วยท่ากายบริหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายและกล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย
  3. ประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน เป็นวิธีที่ได้ผลดีเพราะความร้อนทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงผ่อนคลายลง ทำให้อาการปวดประจำเดือนบรรเทาลงได้
  4. ทานยาแก้ปวด เป็นวิธีที่อาจมีผลข้างเคียง ดังนั้นก่อนทานยาควรปรึกษาแพทย์ หรือปรึกษาเภสัชกรเท่านั้นไม่ควรซื้อมาทานด้วยตนเอง
  5. หารู้สึกปวดที่รุนแรง หรือเลือดออกมากผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหรือวินิจฉัยอาการปวดต่อไป

วิธีแก้ปวดท้องเมนหรือปวดประจำเดือน นอกจากที่กล่าวมาแล้วการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของพืชผักสมุนไพร ปลาทะเลที่อุดมไปด้วยกรด EPA และ DHA ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งสารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้องเมนมากขึ้น

The post อาการปวดท้องประจำเดือน สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีแก้ปวดท้องเมนส์อย่างได้ผล appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
หูอื้อ หูดับ เกิดจากอะไร วิธีแก้เบื้องต้นง่ายๆอย่างได้ผล /%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ab%e0%b8%b9%e0%b8%ad%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad/ Wed, 27 Mar 2019 10:56:27 +0000 /?p=4628 อาการหูอื้อ มักจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเวลาที่ […]

The post หูอื้อ หูดับ เกิดจากอะไร วิธีแก้เบื้องต้นง่ายๆอย่างได้ผล appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการหูอื้อ หูดับ มีสาเหตุและวิธีรักษาเบื้องต้นอย่างไร?

อาการหูอื้อ มักจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเวลาที่คุณนั่งรถขึ้นที่สูง ขึ้นลิฟต์หรือขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูเขาสูง บางครั้งคุณอาจมีอาการหูอื้อขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ความผิดปกติเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใด มีวิธีแก้อาการหูอื้อหรือไม่ เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันค่ะ

อาการหูอื้อเกิดจากสาเหตุใด

หูอื้อ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ลักษณะอาการจะทำให้การได้ยินลดลง รู้สึกคล้ายมีอะไรอยู่ในหู เช่น มีเสียงดังคล้ายเสียงลมพัด คล้ายเสียงแมลง หรือเสียงดังตุบๆ อยู่ในหู ซึ่งอาการนี้มักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

  1. เกิดจากภาวะความเจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัว
  2. เกิดจากประสาทหูเสื่อม
  3. เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู
  4. เกิดจากโรคความผิดปกติของหูชั้นนอก หรือหูชั้นกลาง
  5. เกิดจากโรคภูมิแพ้
  6. เกิดจากการฟังเสียงดัง หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดัง โดยไม่มีเครื่องป้องกัน

วิธีป้องกันอาการหูอื้อ

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ที่อุดหู
  2. ควบคุมโรคประจำตัว ดูแลรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันอาการหูอื้อที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
  3. เมื่ออยู่ในภาวะเครียด ต้องหาวิธีผ่อนคลายและรักษาสุขภาพจิต งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  4. ทำความเข้าใจและยอมรับ เพราะอาการหูอื้อไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นอาการที่ทำให้เกิดความรำคาญ หงุดหงิด และอาจทำให้เกิดภาวะเครียด นอนไม่หลับ ส่งผลให้อาการหูอื้อรุนแรงมากขึ้น

วิธีแก้อาการหูอื้อ

  1. กรณีหูอื้อที่ไม่มีอาการมาก่อน แต่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน อาจเกิดจากมดหรือแมลงเข้าหู ให้ใช้น้ำมันมะกอก หรือออยล์ หยอดหู แล้วไปพบแพทย์
  2. กรณีหูอื้อ และมีอาการปวดหูเวลาดึงหรือสัมผัสใบหู คันในหู มีอาการไข้ร่วมด้วย ให้ใช้สำลี หรือใช้คัตตอนบัดส์ชุบน้ำแล้วเช็ดบริเวณปากช่องหูเพื่อทำความสะอาดที่อาจมีสิ่งสกปรกค้างทำให้เกิดอาการอักเสบ
  3. กินยาพาราเซตามอล เพื่อแก้ปวดลดไข้
  4. ไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

อาการหูอื้อทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรง นอกจากเป็นปัญหาสุขภาพแล้วยังรบกวนต่อคุณภาพการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในการสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง ดังนั้นเมื่อมีอาการหูอื้อแบบผิดปกติ ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อทำการรักษาให้การได้ยินกลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง

The post หูอื้อ หูดับ เกิดจากอะไร วิธีแก้เบื้องต้นง่ายๆอย่างได้ผล appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีแก้ไอ คันคอ มีเสมหะ ทำอย่างไรให้อาการไอหายโดยเร็วที่สุด? /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%ad/ Tue, 26 Mar 2019 10:23:44 +0000 /?p=4620 ช่วงปรับเปลี่ยนฤดูหรืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ปัญหาสุขภาพ […]

The post วิธีแก้ไอ คันคอ มีเสมหะ ทำอย่างไรให้อาการไอหายโดยเร็วที่สุด? appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีแก้ไอ คันคอ มีเสมหะ ทำอย่างไรให้อาการไอหายโดยเร็วที่สุด

ช่วงปรับเปลี่ยนฤดูหรืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกรุ่นทุกวัย ก็คือไข้หวัด ที่มีอาการไอและจาม หลายคนไอเรื้อรังนานเป็นสัปดาห์ ทานยาแล้วก็ยังไม่ได้ผลหรือมีอาการไอรุนแรงยิ่งขึ้น ก่อนรักษาและหาวิธีแก้ไอเราต้องทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อกำจัดปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายๆกรณี

สาเหตุของการไอ

ไอ เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ลักษณะการไอจะช่วยบอกสาเหตุได้ เช่น ไอแบบแห้งๆ ไม่มีเสมหะส่วนใหญ่เกิดจากการมลภาวะจากควันไฟ ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง ส่วนการไอแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจเร็ว หอบเหนื่อยมักจะพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด

ประเภทของการไอ

การไอแบ่งตามระยะเวลา มี 2 ประเภท ได้แก่ ไอแบบฉับพลันจะเป็นอาการไอที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด โพรงไซนัสอักเสบฉับพลัน หรือเกิดจากมลภาวะต่างๆ จะมีอาการไอน้อยกว่า 3 สัปดาห์ และประเภทที่สอง ได้แก่ ไอเรื้อรังจะมีอาการนานกว่า 3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เกิดจากหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง การไอแต่ละประเภทยังมีวิธีป้องกันรักษาที่แตกต่างกัน ซึ่งลักษณะการไอที่ควรพบแพทย์ทันทีได้แก่

  1. มีอาการไอเรื้อรังนานกว่า 2-3 สัปดาห์
  2. ไอมีเสมหะเหลืองปนเขียว หรือมีเลือดปน
  3. มีอาการเป็นไข้ตัวร้อนนานกว่า 1-2 สัปดาห์
  4. เวลาไอรู้สึกหอบเหนื่อยเจ็บหน้าอก อ่อนเพลียเบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง

วิธีป้องกันการไอ

อาการไอที่เกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง คุณต้องป้องกันด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น การทานผักผลไม้ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าหนาๆ ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงหรืออยู่ห่างจากผู้ที่ไม่สบายและมีอาการไอ เพราะอาจรับเชื้อโรคจากบุคคลเหล่านั้นได้

วิธีแก้ไอ

เมื่อเกิดอาการไอ ในเบื้องต้นให้คุณปฏิบัติดังนี้

  1. ดื่มน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นๆ
  2. การจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยให้คุณน้ำต้ม แล้วผสมด้วยน้ำมะนาว 1 ผลกับเกลือป่นหรือน้ำผึ้งเล็กน้อย หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ จะช่วยแก้อาการไอได้ หรือผ่ามะนาว 1 ซีก นำเมล็ดออกใช้เกลือป่นโรยหน้าแล้วบีบน้ำมะนาวทานสดๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลดี
  3. ทานยาอม ซึ่งยาอมแก้ไอมีหลายประเภททั้งยามอมสมุนไพรและลูกอมที่ช่วยบรรเทาอาการไอได้
  4. ทานยาแก้ไอ สำหรับคนที่มีอาการไอและใช้วิธีอื่นๆ แล้วยังไม่บรรเทาหรือไม่ทำให้อาการไอลดน้อยลง การทานยาแก้ไอหรือจิบยาแก้ไอเป็นวิธีที่ได้ผลดี
  5. พบแพทย์เพื่อทำการรักษา หากมีอาการไอติดต่อกันนานเกินกว่า 2 สัปดาห์

อาการไอนอกจากเป็นปัญหาสุขภาพ ทำให้เสียบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจในตัวเองแล้ว หากปล่อยไว้นานโดยไม่ทำการรักษาอาจกลายเป็นไอเรื้อรังที่ยากต่อการรักษาได้

The post วิธีแก้ไอ คันคอ มีเสมหะ ทำอย่างไรให้อาการไอหายโดยเร็วที่สุด? appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุ อาการและวิธีการรักษาอย่างไร? รู้ทันป้องกันได้ /%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b8%81/ Fri, 22 Mar 2019 09:01:59 +0000 /?p=4550 มะเร็งปากมดลูก เป็นภัยเงียบที่คุกคามต่อสุขภาพของคุณผู้ห […]

The post มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุ อาการและวิธีการรักษาอย่างไร? รู้ทันป้องกันได้ appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุ อาการและวิธีการรักษาอย่างไร

มะเร็งปากมดลูก เป็นภัยเงียบที่คุกคามต่อสุขภาพของคุณผู้หญิง ซึ่งมีหลายท่านกว่าจะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกก็เข้าขั้นลุกลามไปแล้ว ทำให้รักษาไม่ทัน หรือเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่มีสาเหตุสำคัญมาจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอชพีวี (Human Papillomavirus) ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ดังนี้

  1. การมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยกว่า 17 ปี เพราะในช่วงอายุนี้จะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกมาก และมีความไวต่อสารก่อมะเร็งที่สูง หรือกรณีที่คุณเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ คุณผู้หญิงอย่าคิดว่าผู้ชาย เขาจะไม่สามารถติดเชื้อและแพร่เชื้อ HPV ให้คุณได้นะ ผู้ชายเขาสามารถรับเอาเชื้อไวรัส HPV จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีเชื้อดังกล่าวนี้ แล้วนำเชื้อมาแพร่ให้กับคุณผู้หญิงได้ขณะมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน
  2. ถึงแม้คุณผู้หญิงจะมีสามีเดียวก็ตาม แต่คุณมีบุตรจำนวนมาก ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกสัมพันธ์กับการบาดเจ็บหรือการระคายเคืองที่เรื้อรังบริเวณมดลูกนั่นเอง
  3. แล้วถ้าคุณผู้หญิงมีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ เริม ซิฟิลิส และหนองใน ก็จะยิ่งทำให้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
  4. สุดท้ายปัจจัยภายนอก ได้แก่ การกินยาคุมกำเนิด, การมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ, การสูบบุหรี่ และการขาดสารอาหารบางชนิด

อาการมะเร็งปากมดลูก

คราวนี้คุณสาวๆ ลองมาเช็คร่างกายกันดีกว่า ว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่

ระยะแรกมะเร็งปากมดลูกนี้อาจจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง คือ การผิดปกติของอวัยวะเพศ เช่น มีเลือดไหลออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือการมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน การมีเลือดประจำเดือนในปริมาณมาก หรือนานกว่าปกติ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้จากของเหลวที่ไหลออกทางช่องคลอด หรือตกขาว จะมีลักษณะเป็นมูก เป็นหนอง มีเลือดปน หรือมีเศษเนื้อปนออกมาด้วย แต่ทั้งนี้ก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก เพราะนี่อาจจะเป็นอาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ ได้เช่นกัน

ถึงแม้ในช่วงระยะแรกจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจนนัก แต่ถ้าคุณผู้หญิงปล่อยปละละเลยจนทำให้เข้าขั้นระยะลุกลามก็อาจจะทำให้เกิดอาการ เช่น ขาบวม ปวดหลังรุนแรง ปวดก้นกบ และบริเวณต้นขา อีกทั้งยังอาจจะมีอาการปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด หรือเกิดการกดเบียดท่อไตทำให้ไตทำงานผิดปกติ จนอาจถึงไตวายได้อีกด้วยนะคะ

การรักษามะเร็งปากมดลูก

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีการพัฒนาต่อเนื่องทำให้การรักษามีหลายวิธี เช่น การขูดเซลล์เยื่อบุปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การผ่าตัดด้วยการใช้รังสีบำบัด และ/หรือทำเคมีบำบัดร่วมด้วย เป็นต้น ซึ่งวิธีรักษานี้จะขึ้นกับระยะของโรคที่เป็นอยู่, สภาพร่างกายทั่วไปของผู้ป่วย และการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การรักษามะเร็งปากมดลูก แบ่งออกดังนี้

  1. ระยะก่อนเป็นมะเร็ง (หากทำการรักษาอย่างถูกต้องจะได้ผลดีเกือบ 100%) คุณต้องเริ่มจากการตรวจคัดกรองเพื่อหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก ซึ่งการรักษาจะเป็นการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก โดยการใช้เลเซอร์จี้ทำลาย, การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า (LEEP) และการผ่าตัดปากมดลูก (Conization) หลังจากทำการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว ผู้ป่วยจะต้องติดตามอย่างต่อเนื่องด้วยการตรวจร่างกาย ตรวจแปปสเมียร์ และการส่องกล้องตรวจปากมดลูก ทุก ๆ 3-6 เดือนหรือตามที่แพทย์นัดตรวจ
  2. ระยะลุกลาม การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วย ระยะของมะเร็ง และความพร้อมของโรงพยาบาลหรือแพทย์ผู้ดูแลรักษา

– การผ่าตัดมดลูกแบบถอนรากร่วมกับการตัดต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน

– การรักษาด้วยการให้รังสีรักษา ซึ่งจะต้องให้ทั้งฉายรังสีร่วมกับการใส่แร่

– การรักษาด้วยการให้รังสีรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด

สำหรับผลข้างเคียงของการรักษามะเร็งปากมดลูก ผู้ป่วยควรจะพักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลหาย เพราะหลังการผ่าตัดมักจะมีอาการปวด เลือดออก ขับปัสสาวะและอุจาระลำบากอาจจะต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ระยะหนึ่ง หากต้องตัดมดลูกก็ยังคงมีอารมณ์ทางเพศปกติ แต่ควรเว้นประมาณ 4-8 สัปดาห์หลังผ่าตัด ส่วนการฉายรังสีรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง ผิวบริเวณที่สัมผัสรังสีจะมีสีน้ำตาล ผู้ป่วยห้ามทาโลชั่นบริเวณนั้น และการสร้างภูมิคุ้มกัน มีผลข้างเคียงไม่มาก จะมีอาการคล้ายไข้หวัดปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องร่วง เป็นต้น

The post มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุ อาการและวิธีการรักษาอย่างไร? รู้ทันป้องกันได้ appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
สาเหตุและวิธีแก้รักแร้ดำ หนังไก่แบบเร่งด่วน ช่วยให้วงแขนกลับมาขาวเนียนใส /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%94%e0%b8%b3/ Tue, 19 Mar 2019 08:30:46 +0000 /?p=4540 การดูแลผิวพรรณบริเวณใต้วงแขนเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนให้ค […]

The post สาเหตุและวิธีแก้รักแร้ดำ หนังไก่แบบเร่งด่วน ช่วยให้วงแขนกลับมาขาวเนียนใส appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
สาเหตุและวิธีแก้รักแร้ดำ หนังไก่แบบเร่งด่วน ช่วยให้วงแขนกลับมาขาวเนียนใส

การดูแลผิวพรรณบริเวณใต้วงแขนเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนให้ความสำคัญอย่างมา เพราะปัญหารักแร้ดำไม่เพียงทำให้ผู้หญิงเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นได้ยากเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย ปกติผิวบริเวณใต้วงแขนจะมีสีคล้ำเล็กน้อย ทำให้ต้องดูแลเป็นอย่างดีในกรณีที่รักแร้ดำผิดปกติเกิดจากอะไรและมีวิธีแก้ไขหรือไม่ เรามีคำแนะนำมาฝากคุณสาวๆ มาทางนี้เลยจ้า

รักแร้ดำเกิดจากอะไร

อาการรักแร้ดำเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ บางคนนอกจากผิวรักแร้ดำแล้วยังมีสภาพผิวที่เรียกว่าหนังไก่ซึ่งเกิดจากการถอนขนรักแร้และเป็นขนคุด ทำให้ผิวบริเวณรักแร้ดำคล้ำมากยิ่งขึ้น สาเหตุหลักๆ มีดังนี้

  1. เกิดจากการแพ้สารกันเสียของครีมที่ใช้ทาหรือบำรุงผิวบริเวณรักแร้ หรืออาการแพ้น้ำหอมจากโรลออนที่ใช้ดับกลิ่น ทำให้ผิวบริเวณรักแร้ดำคล้ำมากกว่าปกติ
  2. เกิดจากปัญหาน้ำหนักตัว คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมักจะมีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณโคนแขน ทำให้ผิวบริเวณใต้วงแขนเบียดเสียดสีกันเป็นประจำ จนทำให้เกิดรอยด้านหรือดำคล้ำได้
  3. ขาดการดูแลหรือรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองหรือไม่มีการขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
  4. เกิดจากการโกน การแว็กซ์ หรือถอนขน เพราะเป็นการรบกวนผิวทำให้เกิดอาการระคายเคืองซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผิวบริเวณรักแร้ดำคล้ำ

วิธีแก้ไขอาการรักแร้ดำ

สิ่งแรกสาวๆ ต้องรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้รักแร้ดำก่อนเพื่อหาวิธีแก้ไขให้ตรงกับสภาพปัญหา และเพื่อเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว

  1. หยุดการใช้โรลออนที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ หรือครีมบำรุงที่ใช้แล้วมีอาการระคายเคือง เนื่องจากแพ้สารกันบูดที่อยู่ในเนื้อครีม และลองปรับเปลี่ยนโรลออนดับกลิ่นชนิดอื่นที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือหันมาใช้สารส้มแทนก็สามารถดับกลิ่นได้เหมือนกัน
  2. หลีกเลี่ยงการถอนหรือแว็กว์ขนรักแร้ อาจใช้การโกนแทนเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผิวใต้วงแขนมากเกินไป
  3. พยายามควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อไม่ให้มีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น การออกกำลังกายบริเวณต้นแขน จะช่วยลดเนื้อใต้วงแขนป้องกันการเสียดสีจนทำให้เกิดร้อยดำคล้ำมากกว่าปกติ
  4. สครับผิวบริเวณใต้วงแขนเพื่อขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป อาจใช้วิธีการสครับจากพืชสมุนไพร เช่น น้ำมะขามเปียกผสมน้ำผึ้ง วิตามินจากมะขามช่วยผิวเนียนขึ้น ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวของสาวๆ นุ่มชุ่มชื้น หรือจะนำเอาเปลือกมะนาวที่เหลือมาถูรักแร้ ก็จะช่วยลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นกาย และช่วยให้ผิวขาวเนียนยิ่งขึ้น สาวๆ ต้องทำเป็นประจำนะ

เราทราบถึงสาเหตุและวิธีแก้รักแร้ดำกันแล้ว คงช่วยให้คนที่มีปัญหารักแร้ดำ นำวิธีเหล่านี้ไปดูแลตนเองเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพ ความมั่นใจให้กับตนเองในการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นสวยๆ และกล้าที่จะโชว์วงแขนที่ขาวเนียนมากยิ่งขึ้น

The post สาเหตุและวิธีแก้รักแร้ดำ หนังไก่แบบเร่งด่วน ช่วยให้วงแขนกลับมาขาวเนียนใส appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีเร่งผมยาวแบบธรรมชาติ ยาวทันใจด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a7/ Thu, 14 Mar 2019 07:42:48 +0000 /?p=4494 การบำรุงดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีเป็นมันเงา มีน้ำหนักแ […]

The post วิธีเร่งผมยาวแบบธรรมชาติ ยาวทันใจด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
วิธีเร่งผมยาว

การบำรุงดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีเป็นมันเงา มีน้ำหนักและไม่แห้งแตกปลายเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนให้ความสำคัญ แต่การบำรุงเส้นผมของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการไว้ผมยาว เพราะสามารถปรับเปลี่ยนทรงผมได้หลากหลายรูปแบบ วันนี้เรามีวิธีเร่งผมยาวที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณเองมาแนะนำค่ะ

วิธีเร่งผมยาว

สิ่งที่ผู้หญิงหลายๆ คนต้องการทราบก็คือ ทำอย่างไรให้เส้นผมยาวเร็วเพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนทรงผมตามแฟชั่นได้ง่ายมากขึ้น สำหรับสาวๆ ที่ใจร้อนวันนี้เรามีวิธีทำให้เส้นผมยาวเร็วด้วยตัวคุณเองมาแนะนำ ทำอย่างไร เราไปดูกันเลย

  1. สาวๆ ควรสระผมวันเว้นวัน และทุกครั้งที่สระควรนวดเส้นผมและหนังศีรษะไปพร้อมๆ กัน เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวเร็วขึ้น
  2. ใช้วิธีมาส์กเส้นผม การมาส์กเป็นการทำความสะอาดเส้นผม และเพิ่มอาหารให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงดูมีน้ำหนัก แล้วยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
  3. บริหารเส้นผมและหนังศีรษะ โดยการก้มศีรษะลงแล้วค้างไว้ประมาณ 30 วินาที แล้วค่อยๆ เงย หน้าขึ้นมา ทำอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะเป็นการบริหารเส้นผม จากนั้นนวดหนังศีรษะโดยใช้นิ้วมือกดและนวดไปตามจุดต่างบนศีรษะอย่างน้อย 3-5 นาที ทำเป็นประจำทุกวัน
  4. หวีผมอย่างถูกวิธี จะป้องกันผมขาดหลุดล่วงได้ดี สาวๆ ไม่ควรหวีผมขณะผมเปียก ควรใช้ผ้าเช็ดให้หมาดๆ หรือให้แห้ง แล้วค่อยเริ่มหวีจากปลายของเส้นผมมาก่อน เพื่อคลายปมเส้นผมที่พันกันออกก่อน การหวีผมประมาณ 50-100 ครั้งจะช่วยเร่งเส้นผมให้ยาวเร็วขึ้น
  5. สาวๆ ควรเลือกแชมพูที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมของตนเอง เช่น การใช้แชมพูสูตรออร์แกนิคที่ปราศจากสารเคมี จะช่วยป้องกันการตกค้างของสารเคมีตามเส้นผม
  6. ใช้วิธีต่อผม วิธีนี้ทำให้ผมของสาวๆ ยาวได้เร็วทันใจ แต่จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าวิธีอื่นๆ การต่อผมควรเลือกร้านที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ และเลือกใช้วัสดุในการต่อผมที่มีคุณภาพ

วิธีบำรุงเส้นผม

สาวๆ จะต้องบำรุงเส้นผมด้วยการดูแลทั้งภายในและภายนอก หมายถึงการบำรุงเส้นผมควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน เป็นการดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านั้นจะส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม ทำให้เส้นผมสลวยเป็นเงางามได้ สาวๆ มาลองทำตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

  1. การสระและการบำรุงเส้นผมเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะการสระจะเป็นการดูแลและทำความสะอาดเส้นผมภายนอก แล้วการนวดศีรษะในขณะสระผมนั้น ยังเป็นการกระตุ้นการไหวเวียนของเลือดให้ทำงานดีขึ้น ส่งผลให้รากผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายและยาวเร็ว
  2. การหวีผมอย่างถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นหนังศีรษะ สาวๆ ควรเลือกแปรงหวีผมให้เหมาะกับสภาพและทรงผมของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมแห้งเสียแตกปลาย และหมั่นหวีผมเป็นประจำ ขณะหวีต้องเบามือ หากเส้นผมพันกันให้ค่อยๆ หวีไม่ควรกระชากแรงๆ เพราะจะทำให้ผมหลุดร่วงได้

วิธีทำให้ผมยาวเร็ว ไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องหมั่นใส่ใจดูแลและเลือกวิธีที่เหมาะสำหรับเรามากที่สุด ความสวยเริ่มต้นได้จากตัวเราเองนอกจากจะได้เส้นผมที่ยาวเร็วแล้ว สาวๆ ยังได้สุขภาพที่ดีควบคู่กันไปด้วยนะ

The post วิธีเร่งผมยาวแบบธรรมชาติ ยาวทันใจด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการนิ้วล็อค เกิดจากอะไร วิธีแก้และรักษาโดยการบริหารนิ้วมือ /%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%ad%e0%b8%84/ Wed, 13 Mar 2019 07:38:14 +0000 /?p=4497 โรคนิ้วล็อค หรืออาการนิ้วล็อค เป็นอาการของกลุ่มคนที่ใช้ […]

The post อาการนิ้วล็อค เกิดจากอะไร วิธีแก้และรักษาโดยการบริหารนิ้วมือ appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการนิ้วล็อค

โรคนิ้วล็อค หรืออาการนิ้วล็อค เป็นอาการของกลุ่มคนที่ใช้นิ้วมือทำงานอย่างหนัก ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทกับการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน เรามักจะหยิบมาอัพเดทข่าวสาร แชทกับเพื่อน หรือเล่นเกมเป็นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือก่อนนอน นอกจากนั้นการทำงานในยุคอุตสาหกรรมนี้ ผู้คนจะอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นหลัก จึงมักพบอาการนิ้วล็อคได้ อาการนิ้วล็อกนี้เกิดจากอะไร และมีวิธีป้องกันรักษาหรือแก้ไขอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันนะคะ

สาเหตุของอาการนิ้วล็อคเกิดจากอะไร

สาเหตุเกิดจากการหิ้วของหนักบ่อยๆ หรือใช้นิ้วมือทำงานอย่างหนัก เช่น การหิ้วถุงจ่ายตลาดหรือช้อปปิ้ง การเกร็งนิ้วมือขณะพิมพ์งาน หรือการเล่นโทรศัพท์ติดต่อกันเป็นเวลานานจนทำให้เปลือกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการอักเสบหรือบวมจนทำให้ขาดความยืดหยุ่น โดยปกติทั่วไปเส้นเอ็นข้อมือจะมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอในกรณีกำหรือแบมือก็จะทำได้อย่างสะดวก ไม่มีอาการเจ็บหรืองอแล้วเหยียดออกไปได้ เมื่อมีการอักเสบทำให้เส้นเอ็นบวมขาดความยืดหยุ่นและในเอ็นนิ้วมือของคนเรายังมีเส้นเอ็น 2 ชุดขนานกันหากหิ้วของหรืองอนิ้วเป็นเวลานานๆ และทำซ้ำๆ เป็นประจำเส้นเอ็นอาจติดกันได้ ทำให้เป็นสาเหตุของอาการนิ้วล็อค

วิธีป้องกันอาการนิ้วล็อค

  1. ในกรณีหิ้วถุงที่มีน้ำหนักมาก ควรปรับเปลี่ยนเป็นการแบก การสะพาย หรือใช้วิธีอุ้มช่วย เพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วรับน้ำหนักของสิ่งของนั้นมากเกินไป
  2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ต้องทำงานโดยใช้นิ้วมือในการบีบ ขยำเป็นเวลานานๆ
  3. ลดการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์บ้าง หากจำเป็นต้องใช้ควรพักนิ้วมือเป็นระยะๆ
  4. กรณีการเล่นกีฬาหรือทำงานที่ต้องหยิบจับสิ่งใดในลักษณะเดิมๆ เป็นเวลานาน เช่น การจับกรรไกรตัดแต่งกิ่งต้นไม้ การตีกอล์ฟ หรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ควรใส่ถุงมือทุกครั้ง
  5. บริหารนิ้วมือเป็นประจำ เช่น บริหารนิ้วมือด้วยการบีบ หรือขยำลูกบอลที่นิ่มและขนาดพอดีมือ

วิธีแก้ไขสำหรับคนที่มีอาการนิ้วล็อค

  1. สำหรับคนที่มีอาการนิ้วล็อคที่ไม่รุนแรงมากนัก วิธีแก้ไขที่ได้ผลดีคือ การบำบัดหรือบริหารนิ้ว เช่น การตั้งมือขึ้น แล้วกำมือโดยเริ่มจากการงอปลายนิ้วลง บริหารซ้ำหลายๆ ครั้งหรือทำทุกครั้งที่มีเวลาว่าง หรือใช้วิธีการตั้งมือขึ้น แล้วพับนิ้วลงพร้อมกันในลักษณะเป็นมุมฉากทำกลับไปกลับมา 5-10 ครั้ง เพื่อให้เอ็นมีการเคลื่อนไหวไม่ติดกัน ในการบำบัดนิ้วล็อคด้วยการบริหาร กรณีคนที่มีอาการรุนแรงงอนิ้วแล้วไม่สามารถเหยียดนิ้วออกได้เอง สามารถใช้มือประคองดันนิ้วมือขึ้นลงได้
  1. วิธีสุดท้ายหากมีอาการที่รุนแรงบำบัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

โรคนิ้วล็อคหรืออาการนิ้วล็อก เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ถึงแม้จะรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็เป็นโรคที่สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วย การป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าการดูรักษา

The post อาการนิ้วล็อค เกิดจากอะไร วิธีแก้และรักษาโดยการบริหารนิ้วมือ appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อยู่ดีๆก็มือลอก สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง /%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%81/ Tue, 12 Mar 2019 07:26:17 +0000 /?p=4490 เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีอาการฝ่ามือหรือนิ้วมือลอก และสาม […]

The post อยู่ดีๆก็มือลอก สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>
อาการมือลอก

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีอาการฝ่ามือหรือนิ้วมือลอก และสามารถหายได้เองแต่สำหรับบางคน อาการมือลอก อาจเป็นปัญหาสุขภาพทำให้เกิดความวิตกกังวลเพราะเมื่อมือลอกมากๆ อาจทำให้ผิวบางจนทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หรือต้องทุกข์ทรมานจากอาการข้างเคียง เช่น มีอาการคันหรือแสบร้อน ปัญหามือลอกเกิดจากอะไร เรามีคำตอบพร้อมมีวิธีแก้มือลอกมาแนะนำ

สาเหตุของอาการมือลอก

มือเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องใช้หยิบจับหรือต้องทำงานอยู่เสมอ อาการมือลอกถึงแม้บางครั้งจะไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงและยังสามารถหายได้เอง แต่ก็สร้างความรำคาญทำให้เกิดความวิตกกังวลจากอาการแสบร้อน หรือสภาพผิวที่บางลงจนไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ถนัด อาการมือลอกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และสาเหตุที่พบได้บ่อยมักเกิดจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. เกิดจากอาการระคายเคืองหรือแพ้สารเคมี เช่น แพ้น้ำยาล้างจาน แพ้ผงซักฟอก แพ้ยางผักผลไม้บางชนิด หรืออื่นๆ และเมื่อเกิดอาการแพ้จะทำให้ผิวหนังแห้งและลอก บางคนอาจมีอาการคันและเมื่อผิวลอกแล้วก็จะทำเกิดอาการแสบร้อนร่วมด้วย
  2. เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ลมและสภาพอากาศที่เย็นลงทำให้ผิวหนังของคนเราแห้ง เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นก็ทำให้ผิวหนังส่วนที่บอบบางที่สุดแห้งและลอกได้
  3. เกิดจากการทำงานที่ต้องสัมผัสอยู่กับสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น การปอกเปลือกสับปะรดเป็น จำนวนมากๆ โดยไม่สวมถุงมือ หรือทำงานประเภทอื่นที่ต้องใช้มือสัมผัสกับน้ำหรือสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอยู่เป็นประจำ
  4. ร่างกายขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน A และวิตามิน B3 ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังแห้งและ ลอก

วิธีแก้มือลอกและการบำรุง

วิธีแก้หรือรักษาอาการมือลอก สิ่งแรกต้องรู้สาเหตุก่อนว่ามือลอกเกิดจากสาเหตุใด เพื่อหาวิธีหรือ แนวทางแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เช่น

  1. มือลอกเพราะความเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น ในช่วงฤดูหนาวนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ลมแรงๆก็ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งได้ ซึ่งก็เป็นสาเหตุสำคัญทำให้มือลอก วิธีแก้ปัญหาได้แก่การเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นทาหลังมือและหน้ามือทั้งสองข้าง เพื่อทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและไม่ลอก
  2. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ เช่น เปลี่ยนน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ที่เคยใช้แล้วแพ้ทำให้เกิดอาการคัน แสบร้อนและมือลอก
  3. เลือกใช้พืชสมุนไพร เช่น ว่านหางจระเข้รักษาอาการมือลอก โดยเลือกใช้วุ้นว่านหางจระเข้หรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ทาให้ทั่วฝ่ามือทั้งสองข้างช่วยป้องกันและรักษาอาการมือลอกได้
  4. นวดหรือทำสปามือ โดยการใช้เบบี้ออยล์หยดลงในน้ำอุ่นประมาณ 2-3 หยุด นำมือลงไปแช่ในน้ำอุ่นใช่เวลา 3-5 นาที แล้วใช้แปรงขัดเบาๆเป็นประจำทุกวัน นอกจากช่วยให้มือนุ่มชุ่มชื้นยังช่วยให้ผิวหนังที่ลอกหลุดร่วงออกมาอีกด้วย

วิธีแก้มือลอก นอกจากการบำรุงดูแลจะช่วยป้องกันอาการมือลอกได้แล้ว การป้องกันก็เป็นสิ่งจำเป็น ก่อนการทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารกระตุ้นทำให้เกิดการแพ้หรือก่อนทำงานบ้านควรสวมใส่ถุงมือทุกครั้ง

The post อยู่ดีๆก็มือลอก สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง appeared first on คลังปัญญา.คอม.

]]>