สารบัญ
เคยเป็นกันบ้างไหมคะ อยู่ ๆ ก็เกิดอาการมือชา เท้าชา ขึ้นมา โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งชาแป๊บ ๆ แล้วก็หาย และชายาวนานจนเป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน ลองมาดูสาเหตุการเกิดอาการชากันก่อนดีกว่าไหมคะ เผื่อว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อตัวเราเองได้ จะได้แก้ไขได้ทันค่ะ
อาการมือชาเกิดจากอะไร
- อาการเหน็บชาตามปกติ คือมีการกดทับส่วนของมือและเท้าเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้นได้ ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า เหน็บชา นั่นเองค่ะ
- ร่างกายขาดวิตามีนบี
- มีการงอข้อมือหรือกระดกข้อมือมาก ๆ จะทำให้เยื่อพังผืดไปกดรัดเส้นประสาท
- ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคไทรอยด์ และผู้ป่วยสูงอายุ หรือเป็นภาวะที่อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณส่วนต่าง ๆ น้อยลง
- เซลล์บางส่วนตาย มีอาการบวมของเอ็นเยื่อหุ้มเอ็นไปกดเส้นประสาทมีเดียน*ได้มากขึ้น
(เส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) คือเส้นประสาทที่เลี้ยงฝ่ามือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งนิ้ว)
วิธีการแก้อาการเหน็บชาเบื้องต้น
- ปล่อยเอาไว้ ให้ค่อย ๆ หายเอง (อันนี้ไม่ค่อยช่วยอะไรเลยเนอะ)
- ถ้าเป็นเหน็บที่มือ ให้บริหารมือด้วยการกำเข้าและแบออกสักพัก หรือหากจะให้หายไวขึ้นให้ทำในน้ำอุ่นค่ะ
- แก้ด้วยการนวด บีบนวดบริเวณส่วนที่เป็นเหน็บชาก็จะช่วยให้อาการหายได้ไวขึ้น แต่หากเป็นบ่อย หายช้า เราสามารถแก้ด้วยการไปใช้บริการการนวดแผนไทยได้ค่ะ ทางหมอเค้าจะมีตำราการนวดเพื่อลดอาการเป็นเหน็บอยู่ค่ะ
- หากเกิดอาการเหน็บชาบ่อยๆ เป็นไปได้ว่ามีร่างการขาดวิตามิน ให้ลองเสริมวิตามีนบี1 บี6 และ บี12 ดูค่ะ
สมุนไพรแก้มือชา
พริก หรือ ขิง เป็นสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดอาการเหน็บชาได้
สิ่งสำคัญที่ควรระวัง
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนค่ะ เพราะอาการเหน็บชาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากโรคที่เกิดในร่างกายของเรา ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งค่ะ
- มีอาการเหน็บชาแม้ไม่ได้นั่งกดทับในส่วนนั้น ๆ
- เกิดอาการเหน็บชาบ่อยๆ
- เกิดภาวะเส้นประสาทข้อมือถูกกดทับ โดยจะมีอาการดังต่อไปนี้ ชาบริเวณปลายนิ้วอาจจะเป็นนิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้ นิ้วกลาง บางนิ้วหรือทั้ง 3 นิ้ว รวมทั้งนิ้วนางครึ่งนิ้ว ชามากขึ้นเวลาทำงาน หรือชาตลอดเวลา และ มีอาการกดเจ็บบริเวณฝ่ามือ
- มีอาการเหน็บชารวมกับอัมพาต (แขนหรือขาอ่อนแรง) แอ่นคอ เอี้ยวคอไม่ได้ และ/หรือแอ่นตัว เอี้ยวตัวไม่ได้ และ/หรือ ผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนสีไป
- รักษาด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น
หากคุณเกิดอาการที่กล่าวมาข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อข้างต้น ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนค่ะ